โปรไบโอติก+พรีไบโอติก 25000พันล้านตัว 10สายพันธุ์ เสริมสร้างระบบลำไส้ที่ดี เพิ่มภูมิต้านทานที่ดี ลดอาการท้องผูก ชะลอวัยห่างไกลโรค
หมวดหมู่ : Products , 
Share
โปรไบโอติก ชะลอวัยห่างไกลโรค สุขภาพลำไส้สำคัญมากที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางของร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่ระบบลำไส้
ในร่างกายคนเรามีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ราว 100ล้านล้านตัว(100,000,000,000,000 CFU:Colony Forming Unit) โดยมีมากกว่า500สายพันธุ์ เทียบกับเซลล์ร่างกายคนเราที่มีประมาณ50-80ล้านล้านเซลล์ ถ้านำจุลินทรีย์ทั้งหมดมาชั่งน้ำหนักก็จะมีน้ำหนักราว1.5 กิโลกรัมเลยทีเดียว
จุลินทรีย์ในร่างกาย มีทั้งชนิดดี(ส่งเสริมสุขภาพ)และชนิดที่ไม่ดี(ก่อให้เกิดโรค)
จุลินทรีย์ชนิดดี เราเรียกว่า โปรไบโอติก(ProBiotic) หากจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีมีมากกว่าชนิดไม่ดี จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายอย่างมาก เช่น ระบบการย่อยดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น ภูมิคุ้มกันดีขึ้น ยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคได้ดี เป็นต้น ทางตรงกันข้าม หากจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี มีมากกว่าชนิดดี ก็จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่นภูมิแพ้ ลำไส้รั่ว ท้องผูก กรดไหลย้อน มะเร็ง เป็นต้น
โปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ชนิดดีเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระบบเมทตะบอลิซึ่ม ซึ่งต้องอาศัยอาหารในการดำรงชีวิต อาหารนั้น เราเรียกว่า พรีไบโอติก (PreBiotic)
ระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะระบบลำไส้(ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่)ที่มีความยาวรวมกันราวๆ 9 เมตร(ลำไส้เล็กประมาณ7.5เมตร ลำไส้ใหญ่ประมาณ1.5 เมตร) มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของร่างกายเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของร่างกาย หากระบบลำไส้มีความสมบูรณ์มีสุขภาพดี เท่ากับเรามีสุขภาพดีเป็นทุนแล้วราว40% ด้วยพื้นที่ผิวสัมผัสของลำไส้มีมากเป็นอันดับสองรองจากผิวหนัง ดังนั้นโอกาสที่จะสัมผัสกับสารพิษต่างๆที่เข้ามาทางปากจากการกินของเราจึงมีมากเช่นกัน หากระบบลำไส้เราแข็งแรงสมบูรณ์ดี ย่อมต้านทานต่อสิ่งแปลกแปลมหรือเชื้อโรคต่างๆเหล่านี้ได้
การที่จะทำให้ระบบลำไส้สมบูรณ์ดีนั้นต้องมีโปรไบโอติกที่เพียงพอและต้องมีพรีไบโอติกซึ่งเป็นอาหารของโปรไบโอติกเพียงพอด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเราไม่สามารถกำจัดจุลินทรีย์ไม่ดีให้หมดไปจากร่างกายได้ แต่เราต้องมีโปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ชนิดดีมากกว่าชนิดไม่ดี โดยมีอัตราส่วนชนิดดี:ชนิดไม่ดีที่ 85:15
ทำไมต้องสนใจโปรไบโอติก โปรไบโอติกในร่างกายจะลดลง โดยมีผลจากปัจจัยต่างๆ เช่น การทานยาปฏิชีวนะ อายุที่มากขึ้น ความเครียด สุขอนามัย อาหาร สิ่งแวดล้อม พันธุกรรม เป็นต้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นมากที่จะต้องเสริมโปรไบโอติกเข้าไป เพื่อคงสัดส่วน85/15 ซึ่งจะช่วยให้เรามีสุขภาพลำไส้ที่ดีและสุขภาพดีให้ยาวนานที่สุด
1. โปรไบโอติก(ProBiotic)
โปรไบโอติกมีหลากหลายมากกว่า500ชนิดในร่างกายเรา โดยสามารถจำแนกตามระบบอนุกรมวิธาน(Taxonomical) ได้ดังนี้
1.การระบุสกุลของจุลินทรีย์ (Genus or Family Name) เช่น Bifidobacterium , Lactobacillus , Enterococcus ,Streptococcus, Saccharomyces, Lactococcus เป็นต้น เป็นการบอกถึงสกุลกว้างๆ เหล่านี้เป็นโปรไบโอติก แต่ไม่ใช่ว่าทุกสปีชีส์จะเป็นโปรไบโอติก
2.การระบุสปีชีส์ (Species) เช่น Lactobacillus acidophilus เป็นการระบุชี้ชัดลงไปจากชื่อสกุล
3.การระบุสายพันธุ์ (Strain) เช่น Lactobacillus acidophilus HA-122 มีความสามารถในการทนกรดในกระเพาะ เป็นต้น เป็นการระบุเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งเรียกว่าระบุสายพันธุ์
โปรไบโอติกที่เรามักคุ้นเคยและนิยมมากที่สุดคือ
· Bifidobacterium(บิฟิโดแบคทีเรียม) อาศัยในลำไส้ใหญ่และมีมากกว่าแลคโตบาซิลัสราว2เท่า
· Lactobacillus(แลคโตบาซิลัส)ที่อาศัยในลำไส้เล็ก
โดยสองสกุลนี้สปีชีส์ที่มีคุณสมบัติเป็นโปรไบโอติก เช่น L.acidophilus , L.paracasei , L.reuteri , B. latic , B.longum , B.bifidum , B.breve , B.infantis เป็นต้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ ส่งผลต่อระบบลำไส้แบบจำเพาะที่แตกต่างกัน ดังนั้น ความหลากหลายสายพันธุ์ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
1.1 บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium ) อาศัยในลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายในการย่อยอาหาร จึงเต็มไปด้วยอาหารโปรดของบิฟิโดแบคทีเรียม อาหารโปรดเหล่านั้นคือคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยไม่ได้ เช่นอินนูลิน ฟลุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ โดยจะเกิดกระบวนการหมักได้เป็นกรดแล็กติกและกรดอะซิติก มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดี นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการสังเคราะห์วิตามินบี1 บี2 บี3 บี6 บี9 บี12 วิตามินเหล่านี้มีความจำเป็นในการสร้างพลังงานและมีผลต่ออารมณ์ของเรา
แบคทีเรียชนิดนี้ยังช่วยลดอาการท้องผูกได้ และพบว่า B. longum ช่วยลดอุบัติการณ์ของเนื้องอกบางชนิดโดยสิ้นเชิงในหนูทดลอง ช่วยลดสารพิษจากจุลินทรีย์ไม่ดีที่ผลิตสารก่อมะเร็ง (Carsinogenic) และยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมด้วย
สำหรับสายพันธุ์ Bifidobacterium ที่เป็นโปรไบโอติก ได้แก่ B. latic , B.longum , B.bifidum , B.breve , B.infantis เป็นต้น
1.2 แลคโตบาซิลัส(Lactobacillus) อาศัยในลำไส้เล็ก ผลิตกรดแลคติกได้อย่างเดียว
มีประโยชน์มากมายเช่น ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ลดสภาวะอักเสบต่างๆ เพิ่มภูมิคุ้มกันในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยเผาผลาญไขมัน ช่วยลดโคเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ช่วยป้องกันภาวะภูมิไวเกินไป ช่วยลดการอักเสบของสิว ช่วยลดอาการภูมแพ้ต่างๆ
สำหรับสายพันธุ์ของ Lactobacillus ได้แก่ L.acidophilus , L.paracasei , L.reuteri เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการใช้โปรไบโอติกหลากหลายสายพันธุ์ จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดและเกิดความสมดุลที่ดีในลำไส้
สำหรับการรักษาโรคบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้โปรไบโอติกนั้น จำเป็นต้องใช้สายพันธุ์เดียวกันกับงานวิจัยนั้นๆเนื่องจากจุลินทรีย์ที่คล้ายคลึงกันอาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบเดียวกันก็ได้
2. พรีไบโอติก(PreBiotic) เป็นสารประกอบพวกโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่เอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารย่อยไม่ได้ แต่โปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ชนิดดี สามารถย่อยได้จึงเป็นอาหารของโปรไบโอติกนั่นเอง
ตัวอย่างพรีไบโอติกในธรรมชาติ เช่น
· อินนูลินที่พบในหัวหอม รากชิโครี่
· โอลิโกแซคคาไรด์ที่พบในอาร์ติโชค(แก่นตะวัน) กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง
· เพคตินที่พบในแอพเปิ้ล แอปริคอต
· แป้งที่ย่อยไม่ได้ ที่พบในกล้วยดิบ มันฝรั่ง พืชตระกูลถั่ว เมล็ดธัญพืชต่างๆ ผักใบเขียว เมล็ดไซเลี่ยม เมล็ดแฟล็กซ์ ผลเบอร์รี่ต่างๆ
· ของหมักด้วยเอนไซม์ เช่น กิมจิ ข้าวหมัก นมหมัก โยเกิร์ต ชีส กระเทียมดอง
สำหรับพรีไบโอติกที่นิยมมากที่สุดคือ ฟลุกโตโอลิโกแซคคาไรด์(FOS) และกาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์(GOS) ซึ่งอินนูลินเป็น FOS ชนิดหนึ่ง
FOS และ GOS พร้อมจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทันทีหลังรับประทาน ซึ่งต่างจากการทานพรีไบโอติกธรรมชาติที่ร่างกายต้องเปลี่ยนเป็น FOS หรือ GOS ก่อนนำไปใช้ประโยชน์
นักวิจัยได้เล็งเห็นผลลัพธ์ที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างโปรไบโอติก(ProBiotic)และพรีไบโอติก(PreBiotic) ซึ่งการทำงานร่วมกันนี้ เรียกว่า ซินไบโอติก(SynBiotic)
มีงานวิจัยในทวียุโรป ที่กำลังมองหาวิธิรักษาโรคมะเร็งจากการใช้ซินไบโอติก โดยการทดลองกับสัตว์ทดลองพบว่าสามารถลดอุบัติการณ์ในการเกิดมะเร็งได้อย่างมาก
นักวิจัยยังพบว่าการใช้ซินไบโอติกมีประสิทธิภาพดีมาก ดีกว่าการใช้เฉพาะโปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกเพียงอย่างเดียว
ในเมื่อโปรไบโอติกคือส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ดังนั้นการรักษาจำนวนโปรไบโอติกให้เหมาะสมจึงจำเป็นมากเพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดียาวนานที่สุด การเสริมโปรไบโอติกด้วยซินไบโอติกเป็นประจำ จึงจำเป็นมาก
1.เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ชะลอวัย รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า เย็น เป็นเวลา 30 วัน เพื่อปรับสภาพลำไส้ หลังจากนั้น ครั้งละ1 เม็ด หลังอาหาร เย็น
2.กรณี ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ควร ทานครั้งละ2 เม็ด หลังอาหาร เช้า-เย็น
3.กรณีท้องเสีย จากอาหารเป็นพิษ ควรทานครั้งละ3 เม็ด หลังอาหาร เช้า เย็น เมื่ออาการดีขึ้น จึงลดปริมาณลงเหลือครั้งละ1เม็ด
***โปรไบโอติก เป็นสิ่งมีชีวิต มีวงจรชีวิต และถูกขับออกมาพร้อมกับการขับถ่ายเสมอ ดังนั้นจึงควรเสริมโปรไบโอติกเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงสุขภาพที่ดีไว้